นางสาวเอเลน
คอร์นิช และดอกเตอร์ ดอน ดับบลิว จอร์แดน (http://sclthailand.org/Th/2012/06/what-can-this-student-say-write-or-create-to-show-me-they-understand-what-they-have-been-learning/) ได้กล่าวไว้ว่า การประเมินผลนักเรียนเป็นวิธีการที่มีความสำคัญสำหรับการเรียนและการสอนในชั้นเรียนที่มีนักเรียนเป็นศูนย์กลาง
เพื่อเป็นตัวช่วยในการสอนเพื่อความเข้าใจสำหรับครู
และเป็นโอกาสให้นักเรียนได้แสดงให้เห็นการเรียนรู้ของพวกเขา
การประเมินนักเรียนมีหลายวิธี ตั้งแต่การประเมินโดยหน่วยงานกลางไปจนถึงการทดสอบที่ครูออกแบบเองเพิ่มเติมขึ้นมาให้เหมาะสมกับสิ่งที่นักเรียนกำลังศึกษา
บทความนี้ไม่ได้จะกล่าวถึงวิธีการประเมินในรูปแบบต่างๆ
แต่เป็นการแสดงความเห็นถึงวิธีการประเมินที่พวกเราใช้อยู่ในชั้นเรียนที่ทาสมาเนีย
ประเทศออสเตรเลีย
วิธีการประเมินที่เหมาะสมสามารถมีได้หลายรูปแบบ
รวมไปถึงการใช้ตำราเรียน การนำเสนอภาพนิ่ง การอภิปรายกลุ่มหรืออื่นๆ
เราพบว่าวิธีหนึ่งที่ได้ผลดีคือจินตนาการถึงความสำเร็จที่นักเรียนจะแสดงให้เห็นในทางที่พวกเขาเลือก
ความคิดและการเรียนรู้ที่เราหวังจะได้เห็นจากพวกเขา ทางที่มีประสิทธิภาพ
อธิบายไว้อย่างดีโดย แอน รีฟส์ ( 2011)
คือการมโนภาพผู้เรียนที่ประสบความสำเร็จและถามว่า “นักเรียนคนนี้จะสามารถพูด เขียน
หรือสร้างสรรค์บางอย่างเพื่อแสดงถึงความเข้าใจในงานที่ได้รับมอบหมายอย่างไร?
สามารถตอบคำถามอะไรได้? สามารถทำงานอะไรได้บ้าง?”
เป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องสร้างระบบห้องเรียนและแผนการสอนที่เปิดโอกาสให้นักเรียนของเราได้แสดงออกถึงสิ่งที่พวกเขาเรียนรู้
ในแบบที่พวกเขาเลือก ตามความสนใจและความสามารถ
นี่รวมไปถึงการทดสอบตามตำราหรือการแสดงศิลปะและการละคร
หรือการแสดงความคิดเห็นกับอาจารย์หรือเพื่อนร่วมชั้น
เราใช้ทฤษฎีพหุปัญญาของโฮเวิร์ด การ์ดเนอร์ (1983)
เป็นหลักในการประเมินของเราและเพื่อเป็นกรอบกว้างๆที่จะช่วยให้เราเข้าใจว่านักเรียนของเรามีข้อดีแตกต่างกัน
เรียนรู้ในวิธีการที่หลากหลายต่างกัน
การ์ดเนอร์ขยายการวัดระกับความรู้แบบดั้งเดิมจากความรู้ทางวิชาการด้านภาษาและตรรกะวิชาทางคณิตศาสตร์
(IQ test) มาเป็นรวมไปถึงด้านมิติสัมพันธ์, ภาพ, ดนตรี, การเคลื่อนไหวของร่างกาย,
มนุษยสัมพันธ์, การสื่อสารกับตัวเอง
และธรรมชาติวิทยา
หมายถึงว่านักเรียนอาจใช้สิ่งเหล่านี้ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของความฉลาดในการคิดตรรกะที่สูงขึ้นและเพื่อแก้ปัญหา
ยกตัวอย่างเช่น
นักเรียนที่มีความสามารถทางภาษาอาจสร้างสรรค์ผลงานด้านการเขียนแต่อาจมีข้อติดขัดในงานที่ต้องอาศัยความรู้ขั้นสูงด้านมิติสัมพันธ์
เราให้โอกาสนักเรียนของเราที่จะพัฒนาความรู้และความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาผ่านตัวเลือกต่างๆที่มีให้
เช่นศิลปะ, งานหัตถกรรม ฯลฯ
และมีครูเป็นผู้ดูแล นี่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากสำหรับเราที่จะดึงดูดนักเรียนให้เรียนรู้
โดยการให้โอกาสพวกเขาได้พัฒนาพหุปัญญาของพวกเขา
เรามั่นใจว่าทางเลือกต่างๆดังกล่าวอยู่ใต้การดูแลของเรา
จึงมั่นใจว่านักเรียนได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่พัฒนาความเข้าใจให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
เพื่อให้มั่นใจว่านักเรียนของเราได้รับความรู้ที่เพิ่มขึ้นโดยการเข้าร่วมกิจกรรมในระดับที่สูงขึ้นเราใช้ระบบโครงสร้างที่สร้างโดยเบนจามิน
บลูม
บลูม(1956)
กำหนดระดับขั้นของความเข้าใจไว้หกระดับ ตั้งแต่การจำหรือรับรู้ข้อมูลอันเป็นลำดับต่ำสุด
ไปสู่ระดับที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นและอาศัยการทำงานของสมองมากขึ้นไปจนถึงระดับสูงสุดซึ่งคือการประเมินผลและการสร้างสรรค์
หกระดับตามหลักของบลูมประกอบด้วย
1. ความจำ
ความสามารถในการจำความรู้ต่าง ๆ ที่ได้เรียนรู้มา
ด้วยการ นิยาม, จับคู่, เลือก,
จำแนก, บอกคุณลักษณะ, บอกชื่อ,
ให้แสดงรายชื่อ, บอกความสัมพันธ์
2. ความเข้าใจ ความสามารถในการแปลความ ขยายความ
และเข้าใจในสิ่งที่ได้เรียนรู้มา
แปลความหมาย, เปลี่ยนแปลงใหม่, แสดง,
ยกตัวอย่าง, อธิบาย, อ้างอิง,
สรุป, บอก, รายงาน,
บรรยาย, กำหนดขอบเขต, ฯลฯ
3. การนำไปใช้
ความสามารถในการใช้สิ่งที่ได้เรียนรู้มาเป็นวัตถุดิบก่อให้เกิดสิ่งใหม่
ประยุกต์ใช้, จัดกระทำใหม่, แก้ปัญหา,
จัดกลุ่ม, นำไปใช้, เลือก,
ทำโครงร่าง, ฝึกหัด, คำนวณ,
ฯลฯ
4. การวิเคราะห์ ความสามารถในการแยกความรู้ออกเป็นส่วนแล้วทำความเข้าใจในแต่ละส่วนว่าสัมพันธ์คือแตกต่างกันอย่างไร
จำแนก, จัดกลุ่ม, เปรียบเทียบ, สรุปย่อ, บอกความแตกต่าง, อธิบาย,
วิเคราะห์, แยกส่วน, ทดสอบ,
สำรวจ, ตั้งคำถาม, ตรวจสอบ,
อภิปราย, ฯลฯ
5. การประเมิน ความสามารถในการตัดสินคุณค่าอย่างมีเหตุมีผลตั้งราคา,
ตัดสินคุณค่า, พิจารณา, สรุป,
ประเมิน, ให้น้ำหนัก, กำหนดเกณฑ์,
การเปรียบเทียบ, แก้ไข, ปรับปรุง,
ให้คะแนน
6. การสังเคราะห์ ความสามารถในการรวมความรู้ต่าง ๆ
หรือประสบการณ์ต่าง ๆ ให้เกิดเป็นสิ่งแปลกใหม่ การออกแบบ, วางแผน,
การแก้ปัญหา, การผลิต, การสร้างสูตร,
ฯลฯ
เพื่อจะสามารถให้นักเรียนได้พัฒนาความเข้าใจของตน
เอกศักดิ์
บุตรลับ (2537 : 389 – 395) ได้รวบรวมเกี่ยวกับการประเมินผลการเรียนรู้ไว้ดังนี้
การประเมินผล (Evaluation)
กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ (2522 : 1) ให้ความหมายไว้ว่า
การประเมินผล หมายถึงกระบวนการพิจารณาตัดสินใจในข้อมูลที่ได้จากการวัดว่า
เป็นที่ต้องประสงค์หรือมีค่านิยมถูกต้องหรือไม่มากน้อยเพียงใด
การประเมินผลจำเป็นต้องมีเป้าหมายหรือเกณฑ์ไว้ก่อนแล้ว
จึงนำข้อมูลที่ได้จากการวัดนั้นมาประเมินในทิศทางตามเป้าหมายมากน้อยเพียงใด
บุญเชิด ภิญโญอนันตพงษ์
(2521 :6) กล่าวว่า
การประเมินผลเป็นกระบวนการที่กระทำต่อจากการวัดผล และวินิจฉัย ตัดสิน
สรุปคุณค่าที่ได้จากการวัดอย่างมีหลักเกณฑ์
เสริมศักดิ์
วิศาลาภรณ์ และอเนกกุล กรีแสง (2517 : 7) ให้ความหมายการประเมินผลเป็นการใช้ วิจารณญาณตัดสินคุณค่า
โดยอาศัยการวัดผลเป็นเครื่องช่วย
สรุปได้ว่า
การประเมินผลเป็นขบวนการพิจารณาตัดสินใจในข้อมูลที่ได้จากการวัดผลว่า
สิ่งนั้นหรือบุคคลนั้นดีหรือเลว เก่งหรืออ่อน สอบได้หรือสอบตก เป็นต้น
จุดประสงค์ของการวัดผลและประเมินผลการศึกษา
ในการวัดผลและประเมินผลการศึกษานั้น
มีจุดประสงค์ที่สำคัญดังนี้ (ลำพอง บุญช่วย ม.ป.ป. : 214-215)
1. เพื่อการคัดเลือก
(Selecion) การพิจารณารับนักเรียนเข้าเรียน
ต้องอาศัยการวัดผลและประเมินผลกรรมเพื่อให้ได้บุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุด
2. เพื่อจำแนกบุคคล
(Classification) การจำแนกบุคคลออกเป็นพวกเก่งอ่อน สอบได้ สอบตก
หรือการให้เกรดเป็น A B C D E ก็ต้องอาศัยการวัดผลประเมินผลทั้งสิ้น
3. เพื่อวินิจฉัย
(Diagnosis) การวัดผลและประเมินผลจะช่วยให้ครูสามารถวินิจฉัยได้ว่า
เด็กคนใดเก่ง อ่อนด้านใด ซึ่งทำให้มองเห็นวิธีแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆได้
4. เพื่อประเมินความก้าวหน้า
(Assessment) การที่จะทราบได้ว่าผู้เรียนมีความเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมไปจากเดิมหรือไม่
เพียงใดนั้น จำเป็นต้องอาศัยการวัดผลประเมินผลเป็นเครื่องชี้
โดยมีการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน แล้วนำมาเปรียบเทียบกันดู
ก็จะทำให้ทราบความก้าวหน้าของผู้เรียนได้
5. เพื่อทำนาย (Prediction) การวัดผลและประเมินผลช่วยให้ได้ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับผู้เรียน
ซึ่งสามารถนำมาประกอบในการพิจารราว่า นักเรียนคนใดควรเรียนอะไร ได้ดีในอนาคต
ซึ่งจำเป็นสำหรับการแนะแนวเป็นอย่างยิ่ง
6. เพื่อจูงใจในการเรียนรู้
(Motivating Learning) การวัดผลและประเมินผลเป็นวิธีการอย่างหนึ่งที่จะทำให้ผู้เรียนเกิดความสนใจในการเรียน
เกิดความพยายาม โดยเฉพาะเมื่อมีการทดสอบแล้ว
ผู้เรียนได้ทราบผลการสอบของตนย่อมทำให้เกิดความกระตือรือร้นในการเรียน
7. เพื่อประเมินวิธีการสอนของครู
(Evaluation of Treatment) การวัดผลและประเมินผลที่ดีจะต้องวัดผลทั้งตัวผู้เรียนและตัวครู
ทั้งนี้เพราะการที่ผู้เรียนไม่ประสบความสำเร็จ
อาจเกิดจากวิธีการสอนของครูที่ใช้ไม่ดี วัสดุอุปกรณ์ไม่เหมาะสม
ดังนั้นการวัดผลและประเมินผลวิธีการสอนของครูจึงมีความจำเป็น
8. เพื่อรักษามาตรฐาน
(Maintaining Standard) ในการผลิตกำลังคนของสถาบันต่างๆ
จำเป็นต้องคำนึงถึงคุณภาพ วิธีการอันหนึ่งที่จะใช้ในการรักษามาตรฐานก็ได้แก่
การวัดผลและประเมินผลนั่นเอง
ประโยชน์ของการวัดผลและประเมินผลการเรียนการสอน
การวัดผลและประเมินผลการเรียนการสอน
เป็นกระบวนการที่สำคัญในการจัดการเรียนการสอน เพราะก่อให้เกิดประโยชน์หลายประการ
คือ (กรมสามัญศึกษา 2522 :8)
1. การประเมินผลช่วยการตัดสินใจในด้านการเรียนการสอน
ผลที่ได้จากกระบวนการวัดผลและประเมินผล
จะเป็นข้อมูลย้อนกลับที่นำมาใช้ในการปรับปรุงการเรียนการสอน
2. การประเมินผลช่วยตัดสินใจในด้านการแนะแนว
ปกตินักเรียนมักจะมีปัญหาเกี่ยวกับการศึกษาต่อ การเลือกอาชีพ
และปัญหาส่วนตัวอยู่เสมอ ซึ่งการวัดผลจะช่วยในเรื่องนี้ได้ ด้วยการใช้แบบทดสอบชนิดต่างๆ
3. การประเมินผลช่วยตัดสินใจด้านการบริหาร
การประเมินผลการเรียนการสอนจะช่วยให้ผู้บริหารทราบว่า
ควรจะแก้ไขปรับปรุงกลไกการบริหารงานของสถานศึกษาอย่างไร
4. การประเมินผลช่วยตัดสินใจด้านการวิจัย
การวิจัยในด้านการเรียนการสอน การแนะแนวและการบริหาร
ย่อมต้องอาศัยข้อมูลพื้นฐานจากการวัดผลและประเมินผล
หรือเครื่องมือที่ใช้ในการวัดผลสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือในงานวิจัยได้ด้วย
ประเภทของการประเมินผล
การจำแนกประเภทของการประเมินผลนั้น
จะจำแนกออกเป็นกี่ประเภทขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่ใช้ในการแบ่ง โดยทั่วๆ
ไปแล้วมีเกณฑ์ที่ใช้ในการแบ่งประเภทของการประเมินผลอยู่ 2 เกณฑ์
1. จุดประสงค์ของการประเมินผล
แบ่งออกได้เป็น
1.1 การประเมินผล
เพื่อปรับปรุงการเรียนการสอน (Formative
Evaluation)
1.2 การประเมิล
เพื่อตัดสินผลการเรียน (Summative Evaluation)
2. จำแนกตามระบบการวัดผล
แบ่งออกได้เป็น
2.1 การประเมินผลแบบอิงกลุ่ม (Norm-referenced
Evaluation)
2.2 การประเมินผลแบบอิงเกณฑ์ (Criterion-referenced
Evaluation)
ความหมายของการวัดผล
กับการประเมินผล
ความหมายของการวัดผล (measurement)
การวัดผล หมายถึง กระบวนการเพื่อให้ได้มาซึ่งตัวเลข หรือสัญลักษณ์
ที่มีความหมายแทนคุณลักษณะ หรือคุณภาพของสิ่งที่วัด โดยใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพหารายละเอียดสิ่งที่วัดว่ามีจำนวนหรือปริมาณเท่าใด
เช่น
การวัดส่วนสูงของเด็กเป็นการแปลงคุณลักษณะด้านความสูงออกมาเป็นตัวเลขว่าสูงกี่เซนติเมตรหรือนักเรียนสอบวิชาคณิตศาสตร์ได้
20 คะแนน
ก็เป็นการแปลงคุณภาพด้านความสามารถในวิชาคณิตศาสตร์ออกมาเป็นตัวเลข โดยใช้แบบทดสอบ
เป็นต้น
ภูมิชนะ เกิดพงษ์ (https://www.gotoknow.org/posts/181202) ได้รวบรวมความหมายของการประเมินผล(evaluation) ไว้ว่า การประเมินผล
หมายถึงกระบวนการที่กระทำต่อจากการวัดผล แล้ววินิจฉัยตัดสิน
ลงสรุปคุณค่าที่ได้จากการวัดผลอย่างมีกฎเกณฑ์ และมีคุณธรรม
เพื่อพิจารณาตัดสินใจว่าสิ่งนั้นดีหรือเลว เก่งหรืออ่อน ได้หรือตก เป็นต้น
ดังนั้น
การวัดผลและการประเมินผลมีความสัมพันธ์กัน กล่าวคือ การวัดผลจะทำให้ได้ตัวเลข
ปริมาณ หรือรายละเอียดของคุณลักษณะหรือพฤติกรรมของบุคคล
จากนั้นจะนำเอาผลการวัดนี้ไปพิจารณาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนดไว้เพื่อตัดสิน
หรือลงสรุปเกี่ยวกับสิ่งนั้น ซึ่งเรียกว่าการประเมินผล
การวัดผลและประเมินผลการศึกษา เกี่ยวข้องกับกระบวนการเรียนการสอนตลอดเวลา
ซึ่งจุดมุ่งหมายของการวัดผลและประเมินผลนั้น
ไม่ใช่เฉพาะการนำผลการวัดไปตัดสินได้-ตก หรือใครควรจะได้เกรดอะไรเท่านั้น
แต่ควรนำผลการวัดและประเมินนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการศึกษาในหลาย ๆ
ลักษณะดังนี้
1. เพื่อค้นและพัฒนาสมรรถภาพของนักเรียน
หมายถึงการวัดผลและประเมินผลเพื่อดูว่านักเรียนบกพร่องหรือไม่เข้าใจในเรื่องใด
ตอนใด แล้วครูพยายามสอนให้นักเรียนเกิดความรู้
มีความเจริญงอกงามตามศักยภาพของตนเอง จุดมุ่งหมายข้อนี้สำคัญมาก
หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็น ปรัชญาการวัดผลการศึกษา (ชวาล แพรัตกุล. 2516 : 34)
2. เพื่อจัดตำแหน่ง
(placement) การวัดผลและประเมินผลวิธีนี้เพื่อเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่นๆ
โดยอาศัยกลุ่มเป็นเกณฑ์ว่าใครเด่น-ด้อย ใครได้อันดับที่ 1 ใครสอบได้-ตก หรือใครควรได้เกรดอะไร เป็นต้น
การวัดผลและประเมินผลวิธีนี้เหมาะสำหรับการตัดสินผลการเรียนแบบอิงกลุ่ม
และการคัดเลือกคนเข้าทำงาน
3. เพื่อวินิจฉัย
(diagnostic) เป็นการวัดผลและประเมินผลที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อหาความบกพร่องของผู้เรียนว่าวิชาที่เรียนนั้นมีจุดบกพร่องตอนใด
เพื่อที่จะได้นำไปปรับปรุงแก้ไข ซ่อมเสริมส่วนที่ขาดหายไปให้ดียิ่งขึ้น
ซึ่งในกระบวนการเรียนการสอนเรียกว่าการวัดผลย่อย (formative
measurement)
4. เพื่อเปรียบเทียบ
(assessment) เป็นการวัดผลและประเมินผลเพื่อเปรียบเทียบตนเอง
หรือ เพื่อดูความงอกงามของเด็กแต่ละคนในช่วงเวลาที่ต่างกัน
ว่าเจริญงอกงามเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมากน้อยเพียงใด เช่น การเปรียบเทียบผลก่อนเรียน(pre-test) และหลังเรียน (post-test)
5. เพื่อพยากรณ์ (prediction) เป็นการวัดผลและประเมินผลเพื่อทำนายอนาคตต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร
นั่นคือเมื่อเด็กคนหนึ่งสอบแล้วสามารถรู้อนาคตได้เลยว่า
ถ้าการเรียนของเด็กอยู่ในลักษณะนี้ต่อไปแล้วการเรียนจะประสบผลสำเร็จหรือไม่
ซึ่งสามารถนำไปใช้ในเรื่องของการแนะแนวการศึกษาว่านักเรียนควรเรียนสาขาใด
หรืออาชีพใดจึงจะเรียนได้สำเร็จ แบบทดสอบที่ใช้วัด จุดมุ่งหมายในข้อนี้ ได้แก่ แบบทดสอบวัดความถนัด
(aptitude test) แบบทดสอบวัดเชาว์ปัญญา (intelligence test) เป็นต้น
6.เพื่อประเมินผล(evaluation)เป็นการนำผลที่ได้จากการวัดไปเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนดไว้
เพื่อตัดสินลงสรุปให้คุณค่าของการศึกษา หลักสูตรหรือ
เครื่องมือที่ใช้ในการวัดผลว่าเหมาะสมหรือไม่ และควรปรับปรุงแก้ไขอย่างไร
ประโยชน์ของการวัดผลและประเมินผลการศึกษา
การวัดผลและประเมินผลการศึกษา
มีประโยชน์ต่อกระบวนการเรียนการสอนเป็นอย่างยิ่งเพราะว่าเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งในการตัดสินใจของครู
ผู้บริหารและนักการศึกษา ซึ่งพอจะสรุปประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ดังนี้ (อนันต์
ศรีโสภา. 2522 : 1-2)
1. ประโยชน์ต่อครู
ช่วยให้ทราบเกี่ยวกับพฤติกรรมเบื้องต้นของนักเรียน
ครูก็จะรู้ว่านักเรียนมีความรู้พื้นฐานพร้อมที่จะเรียนในบทต่อไปหรือไม่
ถ้าหากว่านักเรียนคนใดยังไม่พร้อมครูก็จะหาทางสอนซ่อมเสริม
นอกจากนี้ยังช่วยให้ครูปรับปรุงเทคนิคการสอนให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพอีกด้วย
2. ประโยชน์ต่อนักเรียน
ช่วยให้นักเรียนรู้ว่าตัวเองเก่งหรืออ่อนวิชาใด เรื่องใด
ความสามารถของตนอยู่ในระดับใด เพื่อที่จะได้ปรับปรุงตนเอง
ตลอดจนแก้ไขข้อบกพร่องทางการเรียนของตนให้ดียิ่งขึ้น
3. ประโยชน์ต่อการแนะแนว
ช่วยให้แนะแนวการเลือกวิชาเรียน การศึกษาต่อ การเลือกประกอบอาชีพของนักเรียนให้สอดคล้องเหมาะสมกับความรู้ความสามารถและบุคลิกภาพตลอดจนช่วยให้สามารถแก้ปัญหาทางจิตวิทยา
อารมณ์ สังคมและบุคลิกภาพต่างๆของนักเรียน
4. ประโยชน์ต่อการบริหาร
ช่วยในการวางแผนการเรียนการสอน ตลอดจนการบริหารโรงเรียน
ช่วยให้ทราบว่าปีต่อไปจะวางแผนงานโรงเรียนอย่างไร เช่น การจัดครูเข้าสอน
การส่งเสริมเด็กที่เรียนดี การปรับปรุงรายวิชาของโรงเรียนให้ดีขึ้น เป็นต้น
นอกจากนั้นแล้วยังมีประโยชน์ต่อการคัดเลือกบุคคลเข้าทำงานในตำแหน่งต่าง ๆ
ตามความเหมาะสม
5. ประโยชน์ต่อการวิจัย
ช่วยวินิจฉัยข้อบกพร่องในการบริหารงานของโรงเรียน การสอนของครูและข้อบกพร่องของนักเรียน
นอกจากนี้ยังนำไปสู่การวิจัย การทดลองต่าง ๆ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษามาก
6. ประโยชน์ต่อผู้ปกครอง
(พิตร ทองชั้น. 2524 : 7) ช่วยให้ทราบว่าเด็กในปกครองของตนนั้น
มีความเจริญงอกงามเป็นอย่างไร เพื่อเตรียมการสนับสนุนในการเรียนต่อ
ตลอดจนการเลือกอาชีพของเด็ก
สรุป
การประเมินผลการเรียนรู้ หมายถึง กระบวนการพิจารณาตัดสินใจจากข้อมูลที่ได้จากการวัดผล
ซึ้งในการประเมินผลการเรียนรู้ทำให้ทราบข้อบกพร่องในการเรียนการสอน
จะนำไปสู่การปรับปรุงการเรียนการสอนให้ดีขึ้น
ที่มา
เอเลน คอร์นิช และดอน ดับบลิว จอร์แดน.[Online]. ( http://sclthailand.org/Th/2012/06/what-can-this-student-say-write-or-create-to-show-me-they-understand-what-they-have-been-learning/).การประเมินการเรียนรู้ของนักเรียน. เข้าถึงเมื่อ 6 กันยายน
2558.
เอกศักดิ์ บุตรลับ. (2537). ครูและการสอน. (พิมพ์ครั้งที่ 2). เพชรบุรี : สถาบันราชภัฎเพชรบุรี.
ภูมิชนะ เกิดพงษ์.[Online]. (https://www.gotoknow.org/posts/181202).
การวัดผล กับการประเมินผล คืออะไร. เข้าถึงเมื่อ 6
กันยายน 2558.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น